ดินเนอร์ไทยมื้อแรก

ปัจจุบันนี้ทัวร์มีมากมายหลากหลายรูปแบบครับ มีทั้งใช้รถบัสสำหรับกรุ๊ปใหญ่ หรือรถตู้ ถ้าเป็นกรุ๊ปเล็ก หรือมาแบบครอบครัว ไปจนถึงขนส่งสาธารณะ อย่างเช่นรถไฟ รถ บขส. และมีทั้งแบบ รวมอาหารกลางวัน-เย็น(มื้อเช้าจะรวมโดยโรงแรม) อันนี้ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะทางบริษัทได้จัดการไว้ให้หมดแล้ว ไกด์มีหน้าที่พาไปที่ร้านอาหาร ส่วนเรื่องเมนูนั้นก็เหมือนกัน จัดเตรียมตามความต้องการตามความต้องการของแขกไม่ว่าจะเป็น เจ วีแก้น หรือแพ้อาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง เอานั่น แต่ไม่เอานี่ บราๆๆๆ เรียกได้ว่าจัดกันชุดใหญ่ไฟกระพริบเลยละครับ กับอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังมาแรงในขณะนี้ คือไม่รวมอาหาร(กลางวัน-เย็น) ไกด์มีหน้าที่แนะนำ หรือพาไปที่ร้าน แขกจ่ายกันเอง ทัวร์แบบนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะราคาถูก ซื้อทัวร์มาเมืองไทย จ่ายนิดเดียว แล้วค่อยมาจ่ายค่าอาหารเอาข้างหน้า ผมคิดว่าเหตุผลที่ทำแบบนี้คือการแข่งขันทางการตลาดนั่นเอง 

ทริปนี้ กรุ๊ปทัวร์ของผมเป็นแบบไม่รวมอาหารครับ วันแรกที่เริ่มทัวร์เราจะมีการเวลคัมมี้ตติ้ง คือการพบกันครั้งแรกของทุกคนในกรุ๊ป และทั้งไกด์ มีการแนะนำตัว คุยรายละเอียดในทริปแบบสั้นๆ หลังจากนั้น ผมพาแขกไปดินเนอร์กันต่อเลย การเลือกร้านอาหารในวันแรกนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของไกด์เป็นหลัก โดยมากมักเลือกร้านอาหารที่คุ้นเคยกันในการพาแขกไปกินกันเป็นประจำ วันนั้นผมพาลูกทัวร์ของผมทั้งหมดไปกันที่ร้านอาหาร In Love อยู่ที่ท่าเรือเทเวศน์ ร้านนี้บรรยากาศดี โรแมนติก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีแสงเทียนที่โต๊ะอาหารด้วย เรียกได้ว่าดินเนอร์กันใต้แสงเทียนเลย มีดนตรีสดจากนักดนตรีโฟล์คซอง แถมยังเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยา และสะพานพระรามแปดอีกด้วย 

เมนูอาหารไทยที่ผมแนะนำส่วนมากก็จะเป็นเมนูที่เคยเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติอยู่แล้ว เช่น ไก่ผัดเม็ดมะม่วง(Stir fired chicken with cashew nut) แกงเขียวหวานไก่(Green curry with chicken) พะแนงหมูหรือเนื้อ(Red curry with pork/beef) หรือไม่ก็ แกงมัสมั่นไก่(Massaman curry with chicken) ผัดเปรี้ยวหวาน(Stir fired sweet and sour with mix vegetable) ผมมักจะบอกแขกของผมเสมอว่า This is five most famouse of Thai’s dishes ‘สุดยอดเมนูของอาหารไทย’ ถ้าใครสามารถกินเผ็ดได้บ้างต้องไม่พลาดต้มยำกุ้ง(Spicy prawnn soup) หรือจะเป็นต้มยำรวมมิตรทะเลไปเลยก็ได้(Spicy soup with mix sea food) พวกนี้เป็นเมนูยอดนิยมที่แนะนำชาวต่างชาติได้ตลอด แต่ที่ต้องระวังอีกอย่างคือ ฝรั่งกินเผ็ดกันไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะมาเมืองไทยครั้งแรก ถ้าไม่เคยลองกินเผ็ดมาก่อน แค่ต้มยำกุ้งเผ็ดน้อยสำหรับคนไทย ทำเอาฝรั่งตาน้ำข้าว หน้าแดงน้ำตาไหลมาเยอะแล้วครับ คำถามที่ตามมาเป็นประจำ แขกมักจะถามผมเสมอ ไม่ว่าจะไปกินกันที่ไหน นั่นก็คือ 'What are you going to have Guide?' ‘คุณจะสั่งเมนูอะไร?’ ก็เป็นบางอารมณ์ครับ บางทีผมจะสั่งแหนมซี่โครงหมูมากินแกล้มเบียร์(Deep fired pickle pork’s ribs) หรือไม่ก็ น้ำตกหมู (Spicy salad with grill pork) 

วิธีการกินอาหารของฝรั่งนั้นต่างจากคนไทยมากครับ ลองสังเกตุดู โดยเฉพาะถ้าเป็นอาหารมื้อแรกในเมืองไทยจะดูได้ไม่ยาก คือพวกเขาจะเอา 'กับข้าว' ที่สั่งมา วางไว้ตรงหน้า และเอา 'จานข้าว' วางถัดห่างออกไป ผิดกับคนไทยที่จะวาง 'จานข้าว' ไว้ด้านหน้า และวาง 'กับข้าว' ถัดออกไป นอกจากนั้นแล้วพวกเขาจะไม่ช้อน ใช้แต่ส้อม ส่วนช้อนเขาจะวางไว้ข้างๆจาน สำหรับชาวตะวันตก ช้อนเขามีไว้เฉพาะตักน้ำซุปเท่านั้นครับ หลังจากนั้น เขาจะใช้ส้อมตัก 'ข้าว' มาใส่ใน 'จานกับข้าว' ที่วางอยู่ตรงหน้า แล้วค่อยตักเข้าปาก ถ้าเป็นกับข้าวประเภท ผัด หรือทอด ก็คงไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะกินแบบนั้น แต่ถ้าเป็นอาหารจำพวกซุป ต้มจืด หรือแกง มีปัญหาแน่นอน เพราะส้อม ไม่สามารถตักน้ำแกงหรือน้ำซุปได้ ก็เป็นหน้าที่ไกด์ที่ต้องคอยแนะนำวิธีกินอย่างคนไทย คือวาง 'จานข้าว' ไว้ด้านหน้า จานหรือ 'ถ้วยกับข้าว' วางถัดออกไป และใช้ช้อนเป็นหลักในการตักกับ มาใส่ 'จานข้าว' และตักเข้าปาก อีกอย่างคือ คนไทยไม่ใช้มีดบนโต๊ะอาหาร ต่างกับฝรั่ง จะถือส้อม และมีดไว้คนละมือเวลากินข้าว ไกด์ต้องแนะนำกันแบบนั้นจริงๆนะ บางคนเรียกว่าแทบจะตักข้าวป้อนถึงปากกันเลยทีเดียว และสำหรับฝรั่ง จะไม่ใช้ช้อนกลาง เพราะพวกเขาจะมี ข้าว+กับ เป็นเซ็ต ของใครของมันอยู่แล้ว นอกเสียจากว่าบางทริป ที่จะต้องไปนอน หรือพักค้างคืนในสไตล์ของโฮมสเตย์กับชาวบ้าน การแบ่งปัน และการใช้ช้อนกลาง เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องบอกกันอีกทีนึง เอาแค่มื้อแรกกินอย่างคนไทยให้ได้ก่อน และควรปฏิบัติเหมือนกันทุกมื้อ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในเมืองไทย แค่นี้เขาก็คงเหนื่อยกันแล้วครับ


ไกด์บางกอก